ผลกระทบต่อการที่คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม Results of Poor Water Quality

ขณะนี้เราน่าจะมีความเข้าใจสาเหตุที่จะทำให้เกิดปัญหากับคุณภาพน้ำ ตอนนี้ลองมาพิจารณาผลกระทบต่อคุณภาพน้ำจากสาเหตุต่าง ๆ อัน รวมถึงปริมาณสาหร่ายตะไคร่ และกลิ่น สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ผลกระทบคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องแก้ไข มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ ถึงผลกระทบจาการที่ละเลยไม่ทำการแก้ไข เมื่อปล่อยให้แหล่งน้ำเสื่อมโทรมจนเกิดเสียสมดุลจนเป็นวิกฤติที่ร้ายแรงค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตาม ระดับของปัญหาที่เกิดขึ้น

บางคนอาจจะมองว่าสาหร่ายที่หนาแน่นในผืนน้ำเป็นปัญหาแต่ที่จริงแล้วปัญหาที่แท้จริงเกิดจากคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรม แหล่งน้ำนั้นตกอยู่ใน สภาพที่ระบบนิเวศน์เสียสมดุล สาหร่ายและพืชน้ำที่หนาแน่นจะเป็นสาเหตุที่เห็นได้ง่าย และเป็นเพียงตัวบ่งชี้หนึ่งที่แสดงถึงความเสื่อมโทรม ของคุณภาพน้ำ เราควรจะมองการเกิดสาหร่ายหนาแน่นในผืนน้ำ การแพร่กระจายของชีวภาพขนาดเล็ก และสาหร่ายตะไคร่ลักษณะเส้นใย ( filamentous algae) มักสร้างทัศนียภาพที่ไม่พึงประสงค์และทำให้เสียประโยชน์อันควรจะได้จากแหล่งน้ำ เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในน้ำ (Planktonic algae) จะเป็นเซลเดียว หรือ หลายเซลที่มักจะพบได้ตามพื้นผิวน้ำ หรือโซนส่วนบนสุดของผืนน้ำ มันจะ ดูเหมือนสารสีเขียวอ่อนที่ทำให้น้ำดูเป็นเหมือนซุบถั่วเขียวไปทั่วผิวน้ำ แหล่งน้ำที่แสดงอาการเป็นซุบถั่วเขียวเช่นนี้จะเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะ ขาดแคลนอ๊อกซิเจนโดยเฉพาะ ซึ่งสามาถส่งผลให้สัตว์น้ำหรือตะไคร่ตายลง การที่สาหร่ายตายจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การเกิดเย็น เฉียบพลัน ขาดแสงอาทิตย์ หรือจากปฏิกิริยาทางเคมี ทะเลสาบจะเปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนไปเป็นน้ำตาลชั่วข้ามคืน ซากสาหร่ายที่ตายลงจะสร้าง ความต้องการอ๊อกซิเจนที่สู.ขึ้นอีกมากจากที่มีอยู่ในแหล่งน้ำ ทำให้สภาพดูน่ารังเกียจ และกลิ่นเหม็นอีกด้วย

สาหร่ายรูปงอโค้ง และรูปเส้นใย Benthic or filamentous algae จะเป็นชนิดที่ยากต่อการควบคุม พืชน้ำเหล่านี้จะเจริญเติบโต จากท้องพื้นของบ่อ หรือทะเลสาบ ใน benthic zone แยกตัวออก และลอยสู่ผิวพื้นชั้นบน พวกนี้จะเจริญเติบโตเฉพาะที่ความลึกและ ความขุ่นของน้ำยอมให้มีแสงแดดผ่านลงไปถึง สาหร่ายพวกนี้มักจะถูกเรียกเป็นตะไคร่ หรือสาหร่ายดอกฝ้าย cotton algae บางชนิดจะ มีปล่องอากาศที่ช่วยให้ตะไคร่สามารถลอยตัวมาที่ผิวน้ำได้ เมื่อถึงผิวน้ำ สาหร่ายเหล่านี้จะเป็นตัวสนับสนุนให้เกิดยุงและแมลงในแหล่งน้ำได้ อย่างดี

สาหร่ายชนิดที่น่าจะยากยิ่งในการที่กำจัดให้หมดสิ้นไปจะเป็นชนิดที่มาจากรากในพื้นบ่อประกอบด้วยท่อหรือหลอดยาวขึ้นมา พืชพวกนี้มักจะมี ปล่องอากาศเป็นถุงติดอยู่ที่จะช่วยให้มันลอยตัวได้ รากที่ก้นบ่อ หญ้าที่ประกอบ ด้วยท่อหรือหลอด จะเจริญเติบโตในที่มีแสงเพียงพอ พืชเหล่า นี้เป็นประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่เหมือนกันคือมันช่วยลดสารอาหารที่อาจจะมีเกินความต้องการใช้มากในแหล่งน้ำ

    อะไรจะเป็นผลกระทบที่สาหร่ายและพืชน้ำทำให้เกิดแก่คุณภาพน้ำในทะเลสาบ และการจัดการพื้นที่ประกอบการ
  • การเพิ่มปริมาณของสารอาหาร และซากพืชและสัตว์เน่าเปื่อยสะสมที่ก้นบ่อเกิดเป็นชั้นเลนตมเพิ่มขึ้น
  • การขาดแคลนอ๊อกซิเจนจะทำให้แหล่งน้ำมีกลินเหม็นและปลาตาย

หากปั้มน้ำแนวตั้งแบบกังหันเกิดติดขัดก็คงต้องใช้มนุษย์กบเข้ามาช่วยเพื่อทำการซ่อมแซม แล้วก็ไม่เป็นการง่ายที่จะหามนุษย์กบมาช่วยใน ระยะเวลาสั้น ๆ นี่จะเป็นเหตุสำคัญที่การซ่อมแซมจะต้องใช้เวลานาน และจะทำให้สนามหญ้าและต้นไม้ ไม้ประดับต่าง ๆ ในสถานประกอบ การขาดน้ำเลี้ยงที่จำเป็น เมื่อได้มนุษย์กบมาที่ไซค์แล้วก็จะต้องใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงที่จะทะลวงท่อรับน้ำให้ทำงานเป็นปกติได้ และจะต้องเสีย ค่าใช้จ่ายสูงสำหรับมนุษย์กบและซ่อมความเสียหายที่เกิดต่อสถานที่

และหากวาล์วเปิดปิด หรือระบบส่งน้ำเลี้ยงเกิดติดขัด ปัญหาแม้จะไม่ใหญ่โตอะไรนัก ก็จะต้องใช้เวลามากในการที่จะเจาะลึกหาแหล่งของ ปัญหา ก่อนนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสนาม เช่นการแห้ตายเป็นหย่อม ๆ เพราะไม่ได้รับน้ำเลี้ยงอย่างทั่วถึง หรือเกิดน้ำขังตามแอ่ง (รูปที่ 10) การซ่อมแซมก็อาจจะง่ายขึ้นมาหน่อยและใช้เวลาเพียง 2 – 3 ชม. อย่างไรก็อาจจะต้องไปรบกวนการเปิดใช้บริการตามปกติ ของสนาม และเกิดค่าซ่อมแซมพอสมควร

เลนตมสะสมที่ก้นสระ สามารถก่อปัญหามากมาย

พึงจำไว้ว่าเลนตรมในก้นทะเลสาบที่เพิ่มขึ้นหมายถึงเกิดความต้องการออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นจากปริมาณที่จำกัด และทำให้เกิดพืชน้ำเพิ่มขึ้น อีกด้วย ภายใต้สถานการบางอย่างมันจะเป็นไปได้ที่เลนตรมที่เล็ดลอดฝ่านระบบส่งน้ำเลี้ยงไปยังสนาม เป็นไปได้ในกรณีที่น้ำฝน และลมทำ หน้าที่ผสมเลนตรมลอยไปปนเปื้อนกับน้ำ ส่วนใหญ่แล้วหัวรับน้ำของระบบน้ำเลียงจะอยู่ต่ำใกล้ก้นบ่อและทำให้เลนตรมสามารถทำให้ท่อและ ระบบส่งน้ำเลี้ยงอุดตันได้ ค่าใช้จ่ายที่ใช้ดูแลแก้ไขปัญหานี้ก็จะแตกต่างกันไป ตังแต่ 7,500 เหรียญ ถึง 20,000 เหรียญต่อปีตามสนาม กอล์ฟในอเมริกาเหนือ เพื่อซ่อมแซมท่ออุดตัน และยังอาจส่งผลความเสียหายจากสารประกอบในเลนตรมต่อพืชพันธุ์ในสนามได้ด้วย

ตะกอนต่าง ๆ ที่ติดมากับน้ำเลี้ยงสู่สนามหญ้าก็จะทำให้เกิดเป็นผิวเยื่อบางๆ บนผืนหญ้า เยื่อดำบาง ๆ จะเคลือบผืนหญ้าและบดบังมันจาก อ๊อกซิเจน น้ำ หรืออาหารให้ซึมผ่านไปสู่ราก ทำให้เกิดโรคและตายในที่สุด หากจะต้องเกิดขึ้นแล้วก็จำเป็นจะต้องทำการเปลี่ยนหญ้า หรือขุด ลอกแผ่นหญ้าออกเป็นจุด ๆ และปลูกแผ่นใหม่เข้าแทน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะกองเป็น ตั้ง ๆ การที่ต้องแซะ green กรีนออกทั้งแผ่นและ เปลี่ยนใหม่จะต้องจ่ายเงิน ประมาณ $10,000 ถึง $15,000 ต่อกรีน ตามมาตรฐาน USGA แล้วยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นอีกมากมาย เหล่านี้ลวนเกิดจากปัญหาคุณภาพน้ำทั้งสิ้น

เลนตรมสะสม (eutrophication ) อย่างที่แสดงไว้แล้วจะส่งผลกับผู้จัดการในวิธีที่หลากหลาย การที่เกิดการลดปริมาณน้ำสำหรับระบบ น้ำเลี้ยงที่เก็บกักได้ จะส่งผลร้ายแรงถ้าแหล่งน้ำเป็นที่เก็บกักน้ำสำหรับระบบส่งน้ำเลี้ยง หรือสำหรับรองรับน้ำฝนน้ำหลาก ทั้งสองกรณีแหล่งน้ำ จะถูกออกแบบมาให้ต้องเก็บน้ำที่ปริมาณที่กำหนดได้ แต่ต้องสูญเสียความสามารถไป (รูปที่ 11a & 11b) การขาดแคลนอ๊อกซิเจนก็จะ ทำให้แหล่งน้ำมีกลิ่นเหม็นและปลาตาย ปลาน้ำอุ่นจะต้องการประมาณ 4PPM อ๊อกซิเจน และปลาน้ำเย็นจะต้องการประมาณ 5PPM อ๊อกซิเจน ดังที่กล่าวมานั้นก่อนที่จะเกิดภาวะขาดแคลนอ๊อกซิเจนจะมีปลาตายลอยฟ่องให้เห็นที่ผิวน้ำ และเมื่อเกิดภาวะอ๊อกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอก็จะ เห็นปลาขึ้นมาลอยหายใจที่ผิวน้ำซึ่งการแลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนจะน้อยมากจากการแพร่กระจาย

    ปัญหาจากกลิ่นในแหล่งน้ำ
    จะเป็นผลมาจากสาเหตุ 4 อย่างเหล่านี้ :
  1. ปริมาณสาหร่าย
  2. ปฏิกูลที่สร้างปฤกิริยาทางเคมี
  3. สภาพทางภูมิศาสตร์ของแหล่งน้ำ
  4. ประมาณอ๊อกซิเจนละลายในน้ำน้อยจนทำให้เกิดภาวะแบคทีเรียที่ไม่ต้องอาศัยอ๊อกซิเจน

การที่สามารถเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนเข้าสู่แหล่งน้ำและแพร่กระจายได้อย่างทั่ถึงจะเป็นวิธีที่สามารถขจัดกลิ่นและไล่แก๊สเสียจากภาวะแบคทีเรีย ที่ไม่อาศัยอ๊อกซิเจน กรรมวิธีนี้จะสามารถทำได้ดีโดยใช้การกรอง หรือให้อากาศผ่านหัวจ่าย


พอจะสรุปได้ว่า ปัญหาที่เกิดจากคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรม จากปริมาณสาหรายและตะไคร่น้ำที่มากเกินไป การอุดตันของระบบท่อและหัวจ่ายน้ำ เลี้ยง และวาล์ว ปั้มอุดตัน เลนตมสะสมทำห้แหล่งน้ำตื้นเขิน เกิดความเสื่อมโทรมทางกายภาพและภูมิทัศน์ และปัญหาจากแมลงสามารถที่จะ ป้องกันได้หากผู้ที่ดูแลจัดการรักษาแหล่งน้ำเป็นมืออาชีพและใช้โปรแกรมการจัดการเชิงป้องกันอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีอย่างรอบรู้ขบวนการ ของระบบนิเวศน์ของแหล่งน้ำนั้น ๆ

หน้า้ต่อไป เราจะพิจารณาถึงการจัดการแหล่งน้ำเชิงรักษาป้องกัน

 
Free Web Hosting