การจัดการแหล่งน้ำเชิงรักษาป้องกัน Preventative Practices

ผู้ดูแลจัดการสามารถใช้เครื่องมือที่มากมายที่มีอยู่ ศิลปในการจัดการแหล่งน้ำจะขึ้นอยู่กับการออกแบบโปรแกรมเพื่อสามารถ ป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดโดยใช้วิธีแก้ไขที่ตรงกับสาเหตุที่จะทำลายคุณภาพที่สมดุลก่อนจะเป็นปัญหา ผู้จัดการจะต้องมุ่งมั่นนการที่จะขจัด ปัญหาด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นไปในเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ผู้จัดการที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีหมายถึงผู้ที่ สามารถใช้การบริหารจัดการเชิงป้องกันปัญหาได้ดี ผู้จัดการที่คอยตอบสนองปัญหาก็จะจัดเป็นพวกที่คอยให้เห็นว่ามีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้น แล้วจึงจะพยายามที่จะหาวิธีแก้ไข หากเขาต้องดูแลแหล่งน้ำซักแห่งก็จะคอยจนกว่าระบบนิเวศน์ได้สูญเสียสมดุลจนเกิดปัญหาร้ายแรงจนยก จะแก้ไขแล้วจึงจะทำอะไรสักอย่าง การที่พยายามแก้สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นมักต้งอาศัยวิธีการและเครื่องมือที่ไม่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อมมาใช้ซึ่ง อาจนำมาซึ่งผลกระทบอื่น ๆ อีกมากที่มักจะมองไม่เห็นในขณะนั้นโดยเฉพาะเมื่อแหล่งน้ำส่วนใหญ่ที่เราจะต้องดูแลจัดการมักจะเป็นแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นในการออกแบบแหล่งน้ำจึงเป็นเรื่อง ที่อันตรายที่ดีไซเนอร์จะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านชีวภาพ ซึ่งวิชาว่าด้วยการศึกษารูปร่างสัตว์และพืช รวมถึงลักษณะทางกายภาพของทะเลสาบ (morphometry and morphology)จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในทะเลสาบ และสระน้ำ โชคก็ไม่เข้าข้างเรานักเนื่องจากหลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่าแหล่งน้ำทะเลสาบที่ถูกมนุษย์ สร้างขึ้นมักจะเป็นแหล่งน้ำที่ไม่ลึกนัก และไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่สามารถข้ามไปได้โดยเฉพาะในระยะเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ การที่สามารถออกแบบให้สมูรณ์พร้อมแต่แรกจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขจัด และป้องกันปัญหาคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมได้อย่างดีเมื่อแหล่งน้ำเริ่ม มีอายุใช้งานที่ยาวนานขึ้น

ในเรื่องของรูปลักษณะของแหล่งน้ำที่ดีนั้น (morphometry) การทำเป็นแหลมยาว หรือเป็นนิ้วของผืนดินที่ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนน้ำ ที่ดีได้ควรจะหลีกเลี่ยง ขอบตลิ่งของแหล่น้ำ (morphology) ควรจะยอมให้มีชายฝั่งและเป็นขั้น ๆ ตามความลาดเอียงสู่ก้นบ่อเพื่อให้เป็น แนวกั้นสารธาตุอาหาร หรือมีการบริโภคโดยพืชน้ำก่อนลงสู่โซน limnetic (รูปที่ 12a & 12b) อย่างน้อยที่สุดระยะ 3 เมตร หรือ ประมาณ 9 ฟุตเป็นระยะความลึกที่แนะนำถึงก้นบ่อ ความลึกที่ระยะนี้จะยอมให้แสงอาทิตย์ผ่านถึง และมีพื้นที่มากพอที่จะปราศจากพืชที่หยั่ง รากลงถึงได้ และมีน้ำที่เย็นพอจากด้านล่างหมุนเวียนไปเย็นส่วนที่ผิวน้ำได้ดี

ส่วนที่สามที่แยกออกมาเพื่อการศึกษาคือส่วนบนของผืนน้ำ ที่ได้รับแสงอย่างพอเพียง หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า epilimnion (รูปที่ 2c). นี่เป็นพื้นที่ที่การสังเคราะห์แสงโดยพืชพวกสาหร่ายและพืชน้ำอื่นจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั้งโซน ปล่องน้ำคือส่วนแนวตั้งเป็นแท่งน้ำที่ตั้งอยู่ ในผืนน้ำ เป็นส่วนที่ถูกใช้เมื่อมีการพูดคุยกันถึงลักษณะของแหล่งน้ำหรือทะเลสาปนั้น ๆ เช่นเดียวกับระดับอ๊อกซิเจน อุณหภูมิ และปริมาณ อาหารพืชที่ผสมปนเปื้อนอยู่กับผืนน้ำ

พื้นที่ในส่วนที่ 4 ของระบบนิเวศน์ในแหล่งน้ำที่เราจะพิจารณาต่อคือ euphotic zone หรือ photozone โซนรับแสง (รูปที่ 2e) ในชั้นบนของโซนนี้ของแหล่งน้ำจะได้รับแสงอาทิตย์ที่เจาะทะลุเข้าไปช่วยการเจริญเติบโตของพืชสีเขียว เราจะ พิจารณาถึงผลกระทบของแสงแดดต่อระบบนิเวศน์ของแหล่งน้ำในอีกไม่ช้าต่อไปนี้ และท้ายสุด ส่วนของ benthic zone ซึ่งเป็นส่วนล่าง ของผืนน้ำ (รูปที่ 2e) ในโซนส่วนล่างนี้จะประกอบไปด้วยโคลนตมและดินและมักจะมีความต้องการอ๊อกซิเจนในปริมาณสูง

สระน้ำหรือทะเลสาบตื้น ๆ และร้อนจะเป็นแหล่งน้ำที่ท้าทายความสามารถของผู้จัดการสถานที่อย่างมาก Shallow Lake and hot weather is most challenged

การที่ออกแบบให้ทะเลสาบมีความลึกที่พอสมควรจะช่วยลดผลกระทบของรังสีจากแสงแดดและความร้อนลงให้เหลือน้อยที่สุด

หลายครั้งทีเดียวที่การสร้างทะเลสาบ หรือน้ำประดับเพื่อเป็นเพียงแผ่นน้ำจำลองในสถานประกอบการที่ตามธรรมชาติแล้วไม่มีโอกาสที่จะเกิด ขึ้นได้ และหลายกรณีผืนดินที่รองรับน้ำที่ก้นบ่อไม่มีสภาพที่เหมาะสมกับน้ำที่อุณหภูมิสูง และบางแห่งสภาพแวดล้อมกำหนดให้การปล่อยน้ำทิ้ง จากที่ดินจะไม่สัมพันธืกับระดับน้ำใต้ดินตามธรรมชาติ และปัจจัยเหล่านี้มีผลให้การใช้แผ่นรองรับน้ำประดิษฐ์ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ (รูปที่ 13)

การใช้แผ่นรองรับน้ำประดิษฐ์ (lake-liner) และจัดเตรียมแผ่นรองพื้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้โครงการสำเร็จลุล่วงได้ ผู้จัดการ สถานที่ตั้งโครงการควรที่จะคำนึงถึงระดับน้ำใต้ดินธรรมชาติ (water table) และถ้าพบว่ามีผลกับโครงการก็ควรต้องมีการสร้างระบบ ระบายน้ำแบบฝรั่งเศส (a French drain) หรือทางน้ำที่มักจะสร้างง่าย ๆ จากาการใช้กรวดขนาดใหญ่เพื่อให้น้ำหาทางง่ายที่สุดที่จะไหล ไปจากใต้ ๆ lake-liner ไปรวมที่บ่อรวมน้ำที่สร้างจากกรวด การที่มีทางน้ำไหลไประหว่างบ่อกรวดนี้ช่วยป้องกันการดัน lake-liner ขึ้นจากแรงน้ำ หรือการรวมตัวของก๊าซใต้ ดินในฤดูน้ำหลาก การเตรียมพื้นบ่อควรจะทำอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษก่อนการปูแผ่นรองรับน้ำ ประดิษฐ์ (lake-liner) ต้องให้แน่ใจว่าพื้นผิวมนเรียบและลบคมต่าง ๆอย่างดีเพื่อง่ายแก่การติดตั้งให้สมบูรณ์ เมื่อนั้นแผ่นรองรับน้ำ ปรดิษฐ์ที่ติดตั้งอย่างปราณีตถูกวิธีจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่การจัดการแหล่งน้ำในระยะยาว ถึงแม้จะมีแผ่นรองรับน้ำหลากหลายชนิดแต่ ที่อยู่ในความนิยมคือชนิดที่ทำจาก PVC แต่การที่ UV จากแดดสามารถทำให้ PVC เสื่อมคุณภาพลงได้บ้างจึงจำเป็นที่จะต้องคลุมหน้าแผ่น ด้วยดินหนาประมาณ หนึ่งฟุตเมื่อติดตั้งเข้าที่แล้ว วัสดุอีกชนิดที่นิยมก็ได้แก่ แผ่นโพลีพรอพไพรีนเสริมเส้นใยที่ทนทานต่อ UV ได้ดี เดิมก็ มีการใช้ดินเหนียว และ เบนโทไนค์เป็นแผ่นรองรับได้ผลในบางโครงการแต่ในระยะยาวก็จะแตกระแหงและรั่วซึมจึงไม่ค่อยนิยมในสมัย ใหม่นี้

ท้ายนี้ ขอแนะนำเป็นพิเศษว่าจะต้องมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่สามารถให้พลังงานเมื่อจำเป็นได้สำหรับแหล่งน้ำที่ต้องการดูแลจัดการในที่ ปลอดภัย ออกจะเป็นค่าใช้จ่ายที่มากอยู่ในการทำโครงการแต่จำเป็นอย่างมากในการที่จะใช้เครื่องจ่ายอากาศหรืออุปกรณืในการดูแลรักษา อื่น ๆ ในเวลาต่อไป

สีย้อมน้ำเป็นเครื่องมือที่ผู้จัดการประเภทป้องกันจะนิยมเพื่อจัดการแหล่งน้ำที่ตื้นและจะมีปัญหาจากแสงที่มากเกินไปและก่ออุณหภูมิที่ไม่พึง ประสงค์ได้ สีย้อมน้ำจะเป็นพวกสารสังเคราะห์แสง และเป็นสารที่ช่วยยับยั้ง มันจะทำหน้าที่กันการทะลุทะลวงของแสงสู่ผืนน้ำที่ลึกจากผิวน้ำ และลดการเติบโตของพืชน้ำได้ ทั้งยังช่วยสร้างสีสันที่น่ารื่นรมณ์แก่น้ำ เพิ่มความใส และแก้ไขสีที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับสระหรือทะเลสาบ มาในรูปแบบเป็นผง และเป็นน้ำ และมี่วนผสมของแป้งเหนียวคล้ายสีอาหารสีน้ำเงิน เบอร์ 5 ต้องให้แน่ใจว่าเป็นสีที่ถูกต้องตามกฏหมาย หรือที่ EPA อนุญาติแล้วเท่านั้น จะต้องใช้ในแหล่งน้ำที่ปิดไม่มีเชื่อมกับแหล่งน้ำสาธารณะเท่านั้น จะช่วยเพิ่มความสวยงามได้เป็นอย่างดีทำ ให้น้ำมีสีน้ำเงินทะเล (รูปที่ 15) เมื่อเอามาใช้จะสามารถทนนานอยู่ประมาณ6 – 8 สัปดาห์ และไม่เป็นพิษภัยแก่สัตว์น้ำ หรือนกน้ำ ไม่ทิ้งสารตกค้างที่มีโทษไว้ในแหล่งน้ำ

สารธาตุอาหารทั้งที่มีชิวิตและไม่มีชีวิตจะมีอยู่แล้วตามปกติในผืนน้ำของทะเลสาบ สารอาหารในน้ำจากน้ำหลากเข้า หรือผ่านกรองเข้ามาใน แหล่งน้ำ และที่มีอยู่เดิมในน้ำแล้ว ผู้จัดการมีความสามารถสูงที่จะควบคุมเกี่ยวกับสารอาหารที่อาจจะเล็ดลอดลงสู่แหล่งน้ำ เป้าหมายควรที่จะ เป็นการป้องกันให้การไหลเข้าให้เหลือน้อยที่สุดที่จะหลงเข้าสู่แหล่งน้ำได้ ปัญหาอยู่ที่ควรจะดำเนินการอย่างไรที่จะได้ผล? เรื่องง่ายๆ ก็จะอยู่ ที่การควบคุมการใช้ปุ๋ยบำรุงสนาม และวิธีการตัดเร็มหญ้า อาจจะเป็นการสร้างเขต “ปลอดการใช้ปุ๋ย” ในเขตที่เป็นบริเวณที่ติดกับชายฝั่ง ริมตลิ่งรอบๆ แหล่งน้ำ และขอแนะนำว่าน่าจะเป็นขอบกว้างประมาณ 30 ฟุตหรือ 10 เมตร ถ้าเป็นไปได้ มาตรการคล้ายกันนี้จะช่วย บรรเทาปัญหาจากสารอาหารและเคมีไหลเข้าปนเปื้อนในแหล่งน้ำได้ การใช้วิธีเติมปุ๋ยช้า ๆ ก็สามารถลดการไหลเข้าสู่แหล่งน้ำได้ และอาจจะ ยอมให้สนามหญ้าบริเวณที่ต่อเนื่องกับขอบสระ หรือตลิ่งให้ยาวกว่าปกติก็จะช่วยลดการไหลเข้าได้อีกทางหนึ่ง


การปรับภูมิทัศน์โดยอาศัยเนิน หรือพอกขอบก็สามารถช่วยป้องกันสารอาหารและปุ๋ยไม่ให้ไหลเข้าแหล่งน้ำได้โดยตรง


การป้องกันวิธีอื่น ๆ เช่นการใช้กรรมวิธีทางชีวภาพด้วยการจัดให้มีพื้นที่เปียกในบริเวณทั่กมีการทะลักเข้าของสารอาหารและปุ๋ยปนเปื้อนก่อน สู่แหล่งน้ำ พื้นที่เปียกจะทำหน้าที่สองประการคือ ชลอการไหลเข้าของน้ำที่จะล้นเข้าได้โดยตรง ลดการกัดเซาะและการท่วมขัง และนอกจาก นั้นการจัดให้มีการปลูกพืชผสมผสานที่เหมาะสมในบริเวณพื้นที่เปียกอย่างพอเพียงจะทำให้สารอาหารถูกขจัดก่อนที่จะไหลเข้าสู่แหล่งน้ำ พืช ที่คัดสรรมาปลูกในบริเวณนี้สามารถที่จะลดสารเคมีและสารอาหารไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำในปริมาณที่มากเกินไป และส่งผลให้สารอาหารพอ เพียงที่จะไม่ทำอันตรายต่อคุณภาพน้ำได้

ระบบชีวภาพเพื่อการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ โดยวิธีการใช้ส่วนประกอบด้วยท่อหรือหลอด รากของพืชสามารถทำหน้าที่เป็นสารผ่อนความเป็น กรดหรือความเป็นด่าง เทคนิคนี้เป็นได้ริเร่มใช้โดย ดร.บ็อบ แบล์ตเบิอร์น จากมหาวิทยาลัยออเบิอร์น ท่านเชื่อว่าวิธีการทางชีวภาพนี้จะเป็น เครื่องมือการป้องกันด่านแรกของผู้จัดการแหล่งน้ำ การปลูกพันธุ์ไม้เหล่านี้ใน literal zone จะสามารถดูดซับสารอาหารและเคมีได้ อย่างดีก่อนตกสู่แหล่งน้ำ นี่เป็นการช่วยลดปริมาณสารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของสาหร่าย หญ้าน้ำ และแบคทีเรีย

ตารางต่อไปนี้ (รูปที่ 15) แสดงว่าพืชพันธุ์ที่เหมาะสมในแต่ละส่วนของแหล่งน้ำตามความลึกแต่ละระดับของแหล่งน้ำ เราแนะนำว่าเมล็ด พันธุ์และรากน่าจะปลูกให้ห่างกัน 1 ฟุต หรือ 25 ซม.

ข้อควรระวัง :การเลือกชนิดของพืชที่จะนำมาปลูกจะขึ้นอยู่กับความลึก ที่ควรจะศึกษารายละเอียดให้เข้าใจ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ อาจมีประโยชน์ในการแยกแยะพืชที่ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปนัก อย่างเช่นในส่วนที่จะจัดให้ป็นพื้นที่เปียก สายพันธุ์เหล่านี้จะทำให้เป็นพื้นที่ เหมาะกับการอยู่อาศัยของปลา และนกน้ำ อีกทั้งจะเป็นไม้ประดับที่สวยงาม

หน้า้ต่อไป เราจะพิจารณาคุณสมบัติระหว่างน้ำพุและเครื่องเติมอากาศ

 
Free Web Hosting